สรุปประเด็นที่น่าสนใจในงาน StockRadars Day 2023 @ Siam Paragon
เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 2566 ผมได้มีโอกาสไปเข้าร่วมงาน StockRadars Day ที่โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ศูนย์การค้าสยามพารากอน – ผมจำได้ว่าจองบัตร Early Bird เพื่อเข้าร่วมงานเลย เพราะส่วนตัวอยากไปฟัง อาจารย์ปิง (คุณประกิต) และ ดร.นิเวศน์ (ตำนาน VI) มากๆ
(บทความนี้ผมเขียนหลังจากไปงานแล้ว 1 เดือนกว่าๆ เนื่องจากติดงานเขียนโปรแกรม หากข้อมูลผิดพลาดต้องขอภัยด้วยนะครับ)
เมื่องานเริ่มก็เป็นพิธีเปิดและแนะนำผลิตภัณฑ์ของ StockRadars ตามระเบียบ – แต่ที่น่าสนใจคือแบบสอบถามผู้มาร่วมงาน โดยกลุ่มอายุที่มาร่วมงานมากที่สุดคือ 25-34 ปี และ ผู้ที่มีประสบการณ์ลงทุน 1-3 ปี / 5+ ปี เป็นส่วนใหญ่ – แสดงว่าคนที่มาร่วมงานก็มีความรู้พื้นฐานการลงทุนมาบ้างแล้ว หรือ ไม่ก็เป็นนักลงทุนผู้มากประสบการณ์ไปเลย
ต่อไปนี้จะสรุปเนื้อหาที่น่าสนใจใน Session ต่างๆ นะครับ (หากพลาดหัวข้อไหนไปต้องขออภัยด้วยนะครับ)
1. คุณประกิต (อ.ปิง) ชวยคุยเกี่ยวกับความกลัวในเรื่องต่างๆ และ แนะนำการลงทุนผ่านหุ้นปันผล เช่น SETHD ก็ให้ผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่น่าพอใจ
https://www.facebook.com/prakitsiriwattanaket
2. คุณอธิป เล่าประสบการณ์การลงทุนตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ช่วงหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ และ ล่าสุดวิกฤติโควิดที่ผ่านมา
3. น้องเนยจากเพจ Stock JourNoey แชร์วิธีการลงทุนของเธอ
https://www.facebook.com/stockjournoey/
4. การลงทุนแบบ HomeRun โดย คุณเฉลิมเดช (นายาสมาคม Thai VI) – ในฐานะ VI แค่เราเลือกหุ้นพลิกชีวิตได้ 1 ตัว (100 เด้ง) ก็เพียงพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการลงทุนแล้ว (เหมือนกับการตี HomeRun ในกีฬาเบสบอล)
5. คุณมนสิช (แมงเม่าคลับ / SiamQuant) – การลงทุนมีมากมายหลากหลายกลยุทธ์ ก่อนที่จะนำไปใช้ เราควรศึกษาข้อดี ข้อเสีย และ ค่าสถิติต่างๆ (CAGR, Average Holding, Total Trades, %win, etc.) ให้ดีเสียก่อน
ผมชอบหัวข้อนี้มากที่สุด เป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุด แต่กลับมีคนพูดถึงน้อยที่สุด ซึ่งก็คือการ backtest กลยุทธ์ที่เราจะใช้ในการลงทุน/การเทรด และดูค่าสถิติต่างๆ ว่ากลยุทธ์นี้เหมาะกับ Lifestyle ของเราหรือเปล่า?
ยกตัวอย่างเช่น เราเลือกกลยุทธ์ประเภท Trend Following แต่พอราคาผันผวนนิดหน่อย เราก็ cut loss ไปเสียก่อน / พอราคาขึ้นมาได้นิดหน่อยก็ take profit เร็วเกินไป / หรือตัวนี้ trend หมดไปแล้ว แต่เราไม่ยอมปิดสถานะ
ค่าทางสถิติที่สำคัญมาก แต่น้อยคนนักที่จะรู้จัก คือ maximum drawdown (%) – มันเป็นค่าที่จะบอกเราว่ากลยุทธ์การลงทุนนี้ ที่ผ่านมาเคยขาดทุนมากที่สุดกี่ % ซึ่งกลยุทธ์ส่วนใหญ่ maximum drawdown (%) มักจะเกินกว่า 50% ถ้าเรายอมรับตัวเลขที่ขาดทุนมากขนาดนี้ไม่ได้ เราก็ควรเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่น
6. แนวโน้มการลงุทนในปี 2023 โดย คุณเผดิมภพ (บล.กรุงศรี) – สรุปสั้นๆ ได้ว่า นอกจากการลงุทนในประเทศแล้ว เราควรแบ่งเงินไปลงทุนต่างประเทศบ้าง (US, EU, CN, JP, …) ซึ่งสมัยนี้เราก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมได้ ง่ายๆ ผ่านทางมือถือ
7. หัวข้อสุดท้าย และ ไฮไลต์ของงาน ก็คือการพูดคุยกันระหว่าง ดร.นิเวศน์ และ เสี่ยป๋อง
เสี่ยป๋อง มองว่า ด้วยปัจจัยทางเทคนิค หุ้นไทย SET index อาจขึ้นไปได้ถึง 2700 จุด
แต่ ดร.นิเวศร์ มองว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐาน หุ้นไทย SET index ไปถึง 2000 จุดก็ยากแล้ว