รีวิวหนังสือ – The ONE Thing (ได้ทุกสิ่งด้วยสิ่งเดียว)
หนังสือ The ONE Thing เล่มนี้ นำเสนอวิธีการจัดการกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต ด้วยการเลือกทำสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดก่อน จากนั้นค่อยเลือกทำเรื่องที่มีความสำคัญรองลงมา ซึ่งผู้เขียนบอกว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และจะทำให้เราได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โลกในปัจจุบันหมุนไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าโลกของเราจะมี 24 ชั่วโมงเท่าเดิม แต่เรากลับมีสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำมากขึ้นเรื่อยๆ เราพยายามบริหารเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยการทำหลายๆ เรื่องพร้อมๆ กัน แต่น่าแปลกที่ผลลัพธ์นั้นบางทีก็แย่กว่าเดิม
ผู้เขียน Gary Keller & Jay Papasan นำเสนอวิธีการจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยการเลือกทำทีละเรื่อง โดยเรียงลำดับจากความสำคัญ เมื่อเราทำงานที่สำคัญเสร็จแล้ว เราจึงนำเสนอที่เหลือไปทำงานเรื่องต่อไป แม้ว่าสุดท้ายจะมีบางงานไม่เสร็จ แต่มันก็เป็นเรื่องที่สำคัญน้อยที่สุดแล้ว แล้วเรื่องไหนที่เรียกว่า “สำคัญ” สามารถหาคำตอบได้ในหนังสือเล่มนี้ครับ
เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือ The ONE Thing เล่มนี้ มีทั้งหมด 236 หน้า แบ่งเป็น 18 บท (3 ส่วน) ดังนี้ครับ
- บทนำ
- หลักการสิ่งเดียว
- ปรากฏการณ์โดมิโน
- ร่องรอยของความสำเร็จ
- ส่วนที่ 1 – ความเชื่อผิดๆ ที่คอยชักจูงให้เราไขว้เขว
- ทุกเรื่องมีความสำคัญเท่ากัน
- การทำหลายสิ่งพร้อมกันเป็นเรื่องที่ดี
- คนเราต้องมีระเบียบวินัย
- พลังใจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
- คนเราควรมีชีวิตที่สมดุล **
- ไม่ควรคิดการใหญ่ **
- ส่วนที่ 2 – ข้อเท็จจริง วิธีเรียบง่ายที่ช่วยให้เราทำงานได้มากขึ้น
- คำถามสำคัญ
- นิสัยสู่ความสำเร็จ
- หนทางที่นำไปสู่คำตอบอันยิ่งใหญ่
- ส่วนที่ 3 – ผลลัพธ์อันน่าทึ่ง ปลดปล่อยศักยภาพในตัวคุณ
- จดจ่ออยู่กับเป้าหมาย
- จดจ่ออยู่กับสิ่งที่สำคัญที่สุด
- จดจ่ออยู่กับผลงาน **
- กฎเหล็ก 3 ข้อ **
- 4 หัวขโมย
- การเดินทาง
** หมายถึง ผมชอบบทนี้มากๆ ครับ
ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้
ผมชอบตอนหนึ่งทีเปรียบเทียบวิธีการทำงานของมนุษย์และคอมพิวเตอร์มากเลยครับ คนเรามองว่าคอมพิวเตอร์นั้นมีความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน แต่ที่จริงแล้วคอมพิวเตอร์นั้นทำงานทีละอย่างครับ เมื่อทำงานหนึ่งเสร็จ จึงหยิบอีกงานมาทำต่อ แต่เนื่องจากคอมพิวเตอร์นั้นทำงานทีละอย่างเร็วมากๆๆ เราจึงรู้สึกเหมือนว่าคอมพิวเตอร์ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
ผมยังชอบตอนหนึ่งที่ผู้เขียนเล่าถึงวิธีการลำดับความสำคัญที่ผู้เขียนนำเสนอครับ โดยเขาแบ่งสิ่งที่ต้องทำในแต่ละเป็น 2 อย่างหลักๆ คือ เรื่องงาน และ เรื่องส่วนตัว เรื่องงาน คือ เป้าหมายความสำเร็จในชีวิตของเรา ที่เราต้องตั้งใจทำงานให้เต็มที่ แต่เรื่องส่วนตัว คือ เรื่องที่สำคัญที่สุด เราจะทิ้งเรื่องนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด ผู้เขียนแนะนำว่าเราควรจัดตารางเวลาให้กับครอบครัว ตัวเอง และเรื่องส่วนตัวเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดตารางเวลางาน
ผู้เขียนยังบอกอีกว่า ปกติคนเราทำงานวันละ 8 ชั่วโมง แต่ใน 8 ชั่วโมงนี้ เราจะต้องติดต่อกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานอยู่ตลอด จนทำให้เราแทบไม่มีเวลาโฟกัสกับงานหลักอย่างจริงจัง ผู้เขียนแนะนำว่าหากต้องการทำงานที่ต้องใช้สมาธิ ควรใช้เวลา 4 ชั่วโมงติดต่อกัน ปิดการสื่อสารทั้งหมด แล้วโฟกัสที่งานนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะมีประสิทธิภาพมาก
ความประทับใจกับหนังสือเล่มนี้
สรุป หากใครกำลังอยากพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น หรือ ใครที่กำลังประสบปัญหากับการจัดการตารางเวลาให้กับชีวิต แนะนำให้หาหนังสือเล่มนี้มาอ่านเลยครับ
The ONE Thing เป็นหนังสือที่ดีมากครับ ผมให้อยู่ในระดับ Zero to One และ The Lean Startup เลยครับ
คะแนน 10 / 10
ตัวอย่างประโยคที่ผมชอบจากหนังสือเล่มนี้
ถ้าเป็นชีวิตส่วนตัว ห้ามละเลยเรื่องไหนเป็นอันขาด แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน คุณต้องโยนบางอย่างทิ้งไปบ้าง
การใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายนับว่าทรงพลังที่สุด (และมีความสุขที่สุดด้วย)
รายละเอียดหนังสือ
ชื่อหนังสือ | The ONE Thing (ได้ทุกสิ่งด้วยสิ่งเดียว) |
ผู้เขียน | Gary Keller และ Jay Papasan |
ผู้แปล | นาถกมล บุญรอดพานิช |
สำนักพิมพ์ | WE Learn (วีเลิร์น) |